เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2568 ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เข้าร่วมพิธีปิดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ประจำปี พ.ศ. 2568 ภายใต้หัวข้อ “การทูตเชิงรุกที่ตอบโจทย์ประชาชน: จากนโยบายสู่การปฏิบัติ” โดยมี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวมอบนโยบายการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การต่างประเทศของไทยและการมีส่วนร่วมในการกำหนดกติการะเบียบโลกใหม่ และมี รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีและผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ เข้าร่วม ณ โรงแรม The Athenee Hotel ถนนวิทยุ กรุงเทพฯ

              นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและซับซ้อนของสถานการณ์โลก ทั้งในด้านการเมือง สังคม และเศรษฐกิจ รัฐมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศให้สามารถเสริมสร้างและต่อยอดจุดแข็งของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งปรับตัวเพื่อช่วงชิงโอกาสใหม่ ๆ ภายใต้ข้อจำกัดและความท้าทายที่ไม่หยุดนิ่ง ในบริบทนี้ การดำเนินบทบาทของรัฐในการสื่อสารข้อมูลระหว่างประเทศอย่างถูกต้อง ชัดเจน และทันเวลา เป็นกลไกสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาคมโลก และรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศให้มั่นคงและยั่งยืน ทั้งนี้ ได้กำหนดทิศทางการขับเคลื่อนการต่างประเทศไทยผ่าน 3 แนวทางหลัก ดังนี้

1. การดำเนินการตามแผนปฏิบัติการด้านการทูตเชิงรุก เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เนื่องจาก การทูตเชิงรุกถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการเสริมสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยในระยะสั้น รัฐบาลให้ความสำคัญกับการส่งเสริมเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจดั้งเดิม ได้แก่ การส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร โดยเฉพาะผลไม้ไทย ซึ่งต้องมีการทำตลาดเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง รวมถึงปรับปรุงระบบโลจิสติกส์ให้ทันสมัยและรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นการยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังนักท่องเที่ยวคุณภาพ กลุ่มผู้เกษียณอายุ และกลุ่ม Talent ที่ต้องการพำนักระยะยาว ส่วนในระยะยาว รัฐบาลมุ่งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจผ่านการดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เสริมสร้างความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจผ่านโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น โครงการแลนด์บริดจ์ และการพัฒนาโครงข่ายขนส่งทุกมิติ รวมถึงการเร่งเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTAs) การส่งเสริมแรงงานคุณภาพผ่านโครงการ ODOS (One District One Scholarship) และการเข้าร่วมความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อวางรากฐานทางเศรษฐกิจในอนาคต

2. การเป็นผู้ส่งเสริมสันติภาพและความมั่งคั่งร่วมกัน โดยประเทศไทยควรใช้มุมมองด้านการต่างประเทศเป็นเครื่องมือเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ โดยเน้นการวิเคราะห์สถานการณ์โลกอย่างรู้เท่าทัน เพื่อให้สามารถเลือกใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา ทั้งนี้ความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านต้องยึดหลักผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นสำคัญ โดยส่งเสริมกลไกทวิภาคีและภูมิภาค และดำเนินความสัมพันธ์อย่างเป็นมิตรในทุกระดับ พร้อมทั้งสนับสนุนความเป็นเอกภาพของอาเซียนในฐานะกลไกที่สามารถเพิ่มอำนาจต่อรองของภูมิภาคในเวทีโลกได้อย่างมีนัยสำคัญ

3. บูรณาการการทำงานภายใต้แนวคิด “ทีมประเทศไทย” โดยให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมกันขับเคลื่อนเป้าหมายเดียวกันอย่างมีเอกภาพ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ รัฐบาลมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของทีมประเทศไทยเพื่อให้สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างทันการณ์ และวางตำแหน่งของประเทศให้อยู่ในจุดที่สง่างาม และได้รับประโยชน์สูงสุดในเวทีระหว่างประเทศ

การประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ประจำปี พ.ศ. 2568 จัดขึ้นโดยกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ ได้หารือและแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับทิศทางการดำเนินนโยบายต่างประเทศเพื่อรับมือกับบริบทโลกปัจจุบัน รวมทั้งกลยุทธ์การขับเคลื่อนนโยบายการทูตเศรษฐกิจเชิงรุกในนามทีมประเทศไทย

ที่มา: กลุ่มส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ 2 กองการต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

เผยแพร่ข่าว : นางสาวพรชิตา รุกขชาติ
สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กลุ่มสื่อสารองค์กร
โทรศัพท์ 0 2333 3782
E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
Facebook : MHESIThailand
Instagram : mhesithailand
Tiktok : @mhesithailand
X (Twitter) : @MHESIThailand
YouTube : @MHESIThailand

             10 มิถุนายน 2568 นายวันนี นนท์ศิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ผตร.อว.) และคณะ ลงพื้นที่ตรวจราชการโครงการตามประเด็นยุทธศาสตร์กระทรวง โครงการการเพิ่มศักยภาพในการผลิตและปลูกเลี้ยงไม้ดอกไม้ประดับในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศไทย ด้วยเศรษฐกิจ BCG ของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) โดยมี นายอนันต์ พิริยะภัทรกิจ หัวหน้าโครงการ และคณะ ให้การต้อนรับ ณ สวนวิภาดาฟาร์ม จังหวัดภูเก็ต

.  

             ในการนี้ ผตร.อว. ได้รับฟังสรุปผลการดำเนินงานโครงการในภาพรวม โดยโครงการได้นำเทคโนโลยีการพัฒนาสายพันธุ์พืช นวัตกรรมการแปรรูปให้สอดรับกับบริบทของเศรษฐกิจและสังคมโลกสมัยใหม่ ดึงอัตลักษณ์ และจุดเด่นทางทรัพยากรธรรมชาติมาประยุกต์ผสมผสานกับเทคโนโลยีและนวัตกรรม มีการสร้างผู้ประกอบการต้นแบบหรือเกษตรกรตามแนวทฤษฎีใหม่ ด้านการผลิต การแปรรูป และการใช้ประโยชน์จากไม้ดอกไม้ประดับ รวมทั้งยกระดับคุณภาพและพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดย วว. ได้มีการบูรณาการการทำงานร่วมกับ มรภ.ภูเก็ต ในการนำองค์ความรู้ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีไปประยุกต์ใช้และสร้างชุมชนต้นแบบ พัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลาย สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทรัพยากรพื้นถิ่น เกิดการจ้างงานและสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการและชุมชนในพื้นที่ ซึ่งโครงการมีผลการดำเนินงานเป็นไปตามแผนที่กำหนด

              ในโอกาสนี้ ผตร.อว. ได้กล่าวขอบคุณและชื่นชมการทำงานของ วว. และ มรภ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยในพื้นที่ และ อว.ส่วนหน้าจังหวัดภูเก็ต ในการสร้างความเข้มแข็งและนำองค์ความรู้ ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีสนับสนุนการดำเนินงานในภาคอุตสาหกรรม SMEs วิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ภูมิภาคต่างๆ ในการยกระดับศักยภาพเกษตรกรให้สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดและขยายโอกาสทางการค้าในอนาคต และได้มีข้อเสนอแนะเพิ่มเติม โดยขอให้ วว. ประสานความร่วมมือและบูรณาการการทำงานร่วมกับ มรภ.ภูเก็ต (อว.ส่วนหน้าจังหวัดภูเก็ต) และหน่วยปฏิบัติการเครือข่ายภาคใต้ของกระทรวง ในการดำเนินการขอมาตรฐานผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชนให้ได้รับการรับรองมาตรฐาน มผช. ซึ่งจะทำให้ชุมชนมีสินค้าที่ได้มาตรฐาน สร้างความมั่นใจ สร้างรายได้ให้กับชุมชนและเกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป

 . 

              จากนั้น ได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมโรงเรือนปลูกดอกไม้กินได้ พืชสมุนไพร ณ สวนวิภาดาฟาร์ม และเยี่ยมชมการสาธิตการทำน้ำยอนย่า จากดอกดาหลาและสัปปะรด ผลิตภัณฑ์ Organic House Healthy & Wellness Products ณ ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านลิพอนใต้

ข้อมูลข่าวโดย : กลุ่มตรวจราชการ สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

เผยแพร่ข่าว : นางสาวพรชิตา รุกขชาติ
สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กลุ่มสื่อสารองค์กร
โทรศัพท์ 0 2333 3782
E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
Facebook : MHESIThailand
Instagram : mhesithailand
Tiktok : @mhesithailand
X (Twitter) : @MHESIThailand
YouTube : @MHESIThailand

              9 มิถุนายน 2568 นายวันนี นนท์ศิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ผตร.อว.) และคณะ ลงพื้นที่ตรวจราชการตามประเด็นยุทธศาสตร์กระทรวง โครงการยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนยั่งยืนสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ และตรวจราชการแบบบูรณาการ ประเด็น Soft Power โครงการศูนย์อัจฉริยะเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นภาคใต้ “ด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์” ของมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต โดยมี ผศ.ดร.หิรัญ ประสารการ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ผศ.ดร.ดวงรัตน์ โกยกิจเจริญ รองอธิการบดีฝ่ายแผนงาน บริการวิชาการ และวิจัย พร้อมด้วยผู้บริหาร คณาจารย์ และคณะทำงาน ให้การต้อนรับ ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต

             ในการนี้ ผตร.อว. ได้รับฟังสรุปผลการดำเนินงานโครงการในภาพรวม โดยโครงการยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนยั่งยืนสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ มีการยกระดับผลิตภัณฑ์ชุมชนตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ การเพิ่มศักยภาพผู้ผลิตและผู้ประกอบการ ให้มีขีดความสามารถเพิ่มขึ้น สามารถยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชนให้ได้รับการรับรองมาตรฐาน มผช. อย. และ GI รวมถึงการส่งเสริมการทำแผนธุรกิจ และการทำ Story Telling ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 มีการพัฒนาและยกระดับผลิตภัณฑ์ชุมชน จำนวนทั้งสิ้น 27 ผลิตภัณฑ์ ผ่านการดำเนินงานใน 6 กิจกรรม และโครงการศูนย์อัจฉริยะเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นภาคใต้ "ด้านการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์" มีการพัฒนาผู้ประกอบการและชุมชนในพื้นที่ด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ มากกว่า 300 คน สามารถยกระดับสินค้าและบริการสู่เส้นทางการท่องเที่ยวเชิงอาหารและสุขภาพได้ อาทิ พัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าพิมพ์ลายพฤกษา ยกระดับสินค้าและอาหารฮาลาลให้ได้รับการรับรองมาตรฐานฮาลาล 21 รายการ ยกระดับเมนูอาหารทะเลและกระชังเพาะเลี้ยงเป็นแหล่งท่องเที่ยว ส่งเสริมช่องทางการตลาดและการจำหน่ายสินค้า ซึ่งทั้งสองโครงการ สามารถดำเนินงานได้ตามแผน

                     ในโอกาสนี้ ผตร.อว. ได้กล่าวขอบคุณและชื่นชมการทำงานของ มรภ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นสถาบันอุดมศึกษาที่มีบทบาทสำคัญในการผลิตและพัฒนาบุคลากรเพื่อพัฒนาชุมชน ท้องถิ่นและประเทศ ทำให้เห็นภาพการทำงานของมหาวิทยาลัยร่วมกับชุมชนและการให้บริการทางวิชาการที่เข้มแข็ง โดยการนำองค์ความรู้ถ่ายทอดสู่ชุมชนและผู้ประกอบการกลุ่มต่างๆ ทำให้สร้างรายได้ให้กับชุมชนในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง และได้มีข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ดังนี้

1. โครงการที่มหาวิทยาลัยขับเคลื่อนทั้งสองโครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่มีประโยชน์ต่อการพัฒนาชุมชนในระดับพื้นที่ ซึ่งเป็นการส่งเสริมการพัฒนาเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดการพัฒนาต่อยอด มหาวิทยาลัยควรศึกษาวิจัยเพื่อหาผลิตภัณฑ์ที่เป็นจุดเด่นของจังหวัด เช่น ส้มควาย เพื่อส่งเสริมและพัฒนาต่อยอดให้เป็นอัตลักษณ์เพื่อการท่องเที่ยวของจังหวัด

2. ควรประสานความร่วมมือและบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยปฏิบัติการเครือข่ายภาคใต้ของกระทรวง ซึ่งเป็น อว.ส่วนหน้า จังหวัดภูเก็ต และสถาบันวิจัยในสังกัดซึ่งมีห้องปฏิบัติการที่มีความพร้อมและมีศักยภาพในด้านเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของชุมชนให้มีมาตรฐาน

3. ควรประสานเครือข่ายความร่วมมือด้านเงินทุนเพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้นักศึกษาหรือผู้ประกอบการหรือวิสาหกิจชุมชน ได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน เช่น กองทุน TedFun หรือ NIA เป็นต้น เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาผู้ประกอบการในระดับพื้นที่และต่อยอดไปยังต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นการสร้างรายได้ให้กับชุมชนในพื้นที่จังหวัด

                 จากนั้น ได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมนิทรรศการ ผลงาน/ผลิตภัณฑ์ชุมชน โดยมีวิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการ OTOP กลุ่มแม่บ้าน มากกว่า 30 กลุ่ม อีกทั้งได้เข้าร่วมในงานมอบรางวัลชุมชนเพชรอันดามัน ประจำปี 2568 เพื่อเป็นการยกย่อง เชิดชู ขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชน และส่งเสริมให้ชุมชนนำองค์ความรู้ด้านศิลปะวัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่น มาพัฒนาต่อยอดเป็นสินค้าหรือบริการที่สร้างรายได้ให้กับชุมชนและเป็นการเพิ่มมูลค่าสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ หลังจากนั้น ได้เยี่ยมชมกิจกรรมการส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในสถานศึกษา พัฒนาความรู้และทักษะของนักเรียนในการผลิตคอนเทนต์ ณ โรงเรียนวัดฉลอง ชมการสาธิตและทดลองทำผลิตภัณฑ์ผ้ามัดย้อม-บาติกสีธรรมชาติ และการพัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์บาติกอัตลักษณ์ชุมชนฉลอง ณ ศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ (ศพอส.) ตำบลฉลอง และพบปะผู้ประกอบการที่เข้าร่วมกิจกรรมการยกระดับเมนูอาหารทะเลและกระชังเพาะเลี้ยงกุ้งมังกร สู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวมูลค่าสูง ณ พื้นที่กระชังเพาะเลี้ยงกุ้งแพโกปาน

ข้อมูลข่าวโดย : กลุ่มตรวจราชการ สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม


เผยแพร่ข่าว : นางสาวพรชิตา รุกขชาติ

สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

กลุ่มสื่อสารองค์กร

โทรศัพท์ 0 2333 3782

E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

Facebook : MHESIThailand

Instagram : mhesithailand

Tiktok : @mhesithailand

X (Twitter) : @MHESIThailand

YouTube : @MHESIThailand